โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ 2023 นักสร้างคอนเทนต์มือใหม่ ใช้ง่าย เอฟเฟกต์เยอะ รุ่นไหนโดน?
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ในปี 2023 ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรผลงานด้านวีดีโอคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ในครั้งนี้เราจัดมาให้ 10 โปรแกรมฟรีน่าใช้ เอาใจเหล่า Content Creator โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ที่มีสื่อที่เป็นวีดีโอในเกือบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการโฆษษณา ขายสินค้า พรีเซนเทชั่น ไปจนถึงการสร้างตัวตน สื่อที่เป็นภาพนิ่งสามารถเป็นตัวแทนการแนะนำสิ่งที่ต้องการสื่อออกไปได้ก็จริง แต่วีดีโอได้รับความสนใจมากกว่า เพราะภาพเคลื่อนไหว ทำให้ดูมีชีวิตชีวาและสร้างความแปลกใหม่ได้เสมอ และดึงดูมให้ผู้ชมแชร์ออกไปในโลกออนไลน์หรือสื่อโซเชียลได้มากที่สุดอีกด้วย วันนี้เราจึงมาแนะนำซอฟต์แวร์ในการตัดต่อวีดีโอ ที่น่าสนใจและบางค่ายก็ใช้ฟรี เพื่อให้คุณเลือกตัดต่อวีดีโอในแบบที่ต้องการได้ง่ายขึ้น และถ้าคุณต้องการมองหาโน๊ตบุ๊คสำหรับงานตัดต่อที่เหมาะกับคุณได้ที่นี่เลย
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ 10 รุ่นแบบไหนดี?
- Openshot
- CapCut
- Davinci Resolve
- LightWorks Free Edition
- Hitfilm Express
- Adobe Premier Pro
- Vegas
- Wondershare Filmora
- VideoStudio Pro 2023
- VSDC Free Video Editor
1.Openshot
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ที่มีอินเทอร์เฟสน่าใช้ เป็นกันเอง ใช้ง่ายรองรับวีดีโอความละเอียด 4K เลยทีเดียว รอบรับการใส่ซาวด์และแอนิเมชั่นต่างๆ เช่น 3D และมี Transition หลากหลายน่าใช้งาน แม้จะลูกเล่นเยอะ แต่ก็เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ตัดต่อง่าย ใช้แค่การลากวาง (Drag & Drop) จากนั้นเลือกเอฟเฟกต์ที่ชอบ แล้วระบบจะจัดเรียงให้อย่างสวยงาม เหมาะกับกลุ่มนักศึกษา หรือนักสร้างคอนเทนต์ เน้นใช้ง่าย ทำวีดีโอได้ไว
ใช้ฟรี
รองรับ 3D Animation Effect
มีเทมเพลต Slow motion และ Time effect
อินเทอร์เฟสดูง่าย
เพิ่ม Track ไม่จำกัด
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
รองรับวีดีโอความละเอียดสูง | มีข้อจำกัดในการปรับแต่ง | นักศึกษาทำพรีเซนท์ |
นักสร้างคอนเทนต์มือใหม่ |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: OpenShot
2.CapCut
แอพสำหรับตัดต่อวีดีโอของเหล่า Creator ที่เป็นสาย TikTok ใหม่ล่าสุด ใช้งานง่าย เข้ากับทั้งโมบายและพีซีเป็นที่สุด จุดเด่นอยู่ที่ความง่าย ครบเครื่อง ฟิลเตอร์เพียบ เหมาะกับมือใหม่ในงานตัดต่อ ที่อยากเรียนรู้ฟังก์ชั่น และรูปแบบการทำงานที่ง่ายมากขึ้น คุณสามารถลบพื้นหลัง ใส่เพลงที่มีให้เลือกเพียบ อีกทั้งยังรองรับวีดีโอระดับ 4K อีกด้วย และสนับสนุนวีดีโอในแนวตั้ง เพื่อให้เข้ากับ TikTok และ Reels ได้อย่างลงตัว แถมโหมด Beauty ปรับความขาวใส และเพิ่มความเร็วได้ ที่สำคัญไม่มีลายน้ำมากวนใจ
รองรับการใส่ภาษาได้อัตโนมัติ แม่นยำสูง
ลบฉากหลังได้ดี
มีให้เลือกทั้ง Mobile, PC และ Web browser
เหมาะทั้ง TikTok, Youtube
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ใช้งานง่าย ฟิลเตอร์เยอะ | มีฟอนต์ไม่เยอะมาก | ยูทูปเบอร์และอินฟลูเอนเซอร์ |
รองรับวีดีโอความละเอียดสูง |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: CapCut
3.Davinci Resolve
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่มีความเป็นกันเองกับผู้ใช้ และมอบฟีเจอร์ในระดับมืออาชีพให้ไม่แพ้คู่แข่งรุ่นใหญ่ในตลาด ตั้งแต่ในเวอร์ชั่นพื้นฐานด้วยซ้ำไป เพราะโปรแกรมส่วนใหญ่ที่ฟรีมักมีลายน้ำ แต่ Davinci ไม่ใช่ อีกทั้งเครื่องมือที่ใช้ตัดต่อ ก็ง่าย การ Import หรือ Export ก็ทำได้รวดเร็ว พร้อมคุณสมบัติในการจัดการเสียงที่เพิ่มเติมมาใหม่ สำหรับการทำ Visual Effect และการใส่เอฟเฟกต์ภาพ ที่มีความโดดเด่น อย่างไรก็ดีหากต้องการใช้ร่วมกับบรรดา 3D หรือเอฟเฟกต์ที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถใช้เวอร์ชั่น Studio ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มได้อีกด้วย
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ให้งานระดับมืออาชีพ | ใช้ทรพยากรเครื่องค่อนข้างมาก | มืออาชีพด้านภาพและเสียง |
ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีลายน้ำ |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: Davinci Resolve
4.LightWorks Free Edition
เป็นหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่เหมาะสำหรับมือใหม่ ใช้ฟรี และไม่มีลายน้ำ มีหน้าตาที่เป็นกันเอง ดูง่าย เมนูไม่ซับซ้อนมาก รองรับการใช้งานด้านวีดีโอพื้นฐานได้เกือบครบ ไม่ใช้สเปคเครื่องมากนัก มือใหม่ที่จะเริ่มต้นการตัดต่อ ทำวีดีโอนำเสนองานแบบง่ายๆ รวมถึงสายยูทูปเบอร์ที่ต้องการงานไว ทำได้บนคอมที่ไม่ต้องแรงมากนัก ไม่ต้องกังวลกับการไม่มีพื้นฐานที่ใช้งานด้านตัดต่อมาก่อน ถือว่าเป็นโปรแกรมที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่นความละเอียดที่ใช้บนเวอร์ชั่นฟรี จะทำได้แค่ 720p เท่านั้น แต่ใครอยากจะใช้จริงจัง หรือถูกใจในแง่ของความง่าย ฟังก์ชั่นมาแบบครบๆ แนะนำให้ใช้เวอร์ชั่น Pro ในงบประมาณ 9.99USD ต่อเดือนเท่านั้น ใช้กันยาวๆ
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ใช้งานง่าย | ตัวฟรีใช้ได้ที่ 720p | นักตัดต่อมือใหม่ |
ฟังก์ชั่นสำคัญครบ | ยูทูปเบอร์เริ่มทำคอนเทนต์ |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: LightWorks
5.Hitfilm Express
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ ที่ใช้ได้ทั้ง Mac และ Windows ที่หลายคนให้ความสนใจ และยังใช้ฟรีอีกด้วย มีอินเทอร์เฟสที่ปรับแต่งได้ง่าย ใช้วิธีลาก Drag and Drop ใส่เอฟเฟกต์สะดวก และคนที่สนใจยังมีไกด์ไลน์หรือ Tutorial แนะนำการใช้งานฟรีจำนวนมาก เหมาะกับมือใหม่และสายยูทูปเบอร์สะดวกทีเดียว ในเวอร์ชั่นใหม่มีฟีเจอร์ใช้ร่วมกับเอฟเฟกต์ 3D Render หรือเอฟเฟกต์ Flares รวมถึงบันทึกเสียงได้ในตัว แต่ถ้าต้องการลูกเล่นที่มากขึ้น จะมีตัวป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ และฟิลเตอร์อื่นๆ เข้ามาอีกเพียบ ให้ความละเอียดวีดีโอสูงสุดระดับ 4K
แบบใช้งานฟรี
จำกัดการ Export ที่ HD แบบไม่จำกัด
ให้ Visual Effect แบบจัดเต็ม ทั้งเสียง ภาพและเอฟเฟกต์
10 เพลง, 25 เอฟเฟกต์เสียงและ 5 เทมเพลต
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ใช้งานฟรี | ใช้สเปคเครื่องค่อนข้างสูง | มือใหม่และยูทูปเบอร์ |
ฟีเจอร์ครบครัน |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: Hitfilm Express
6.Adobe Premier Pro
ที่สุดของสายงานตัดต่อ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ ต้องการที่จะปรับใช้งานวีดีโอระดับมืออาชีพหรือมือโปร ที่ต้องการเครื่องมือในการสร้างสรรค์ผลงาน ฟีเจอร์และเอฟเฟกต์อัดแน่น รองรับงานที่มีความซับซ้อน การจัดเรียงหรือปรับใช้ Transition, Effect, และการซิงก์เสียงใส่ข้อมูล เพิ่มตัดช็อตต่างๆ ทำได้ต่อเนื่อง ให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบเครื่องมือและตั้งค่าให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานอีกด้วย รองรับงานวีดีโอความละเอียดสูง รองรับการจัดเก็บข้อมูลบน Cloud เพียงแต่จะใช้พลังของระบบค่อนข้างมาก รวมถึงมีให้ทดลองใช้งานได้ฟรี 7 วัน ค่าใช้จ่ายสำหรับบุคคลทั่วไป ประมาณ 800 บาท/เดือน
ให้งานระดับมืออาชีพ
ลูกเล่นและฟีเจอร์ พร้อมเทมเพลตจัดเต็ม
มีข้อมูลการเรียนรู้บนสื่อต่างๆ เยอะ
รองรับการ Export วีดีโอความละเอียดสูง
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
คุณสมบัติวีดีโอครอบคลุม | ใช้พลังของระบบค่อนข้างสูง | นักสร้างคอนเทนต์มืออาชีพ |
เอฟเฟกต์และฟีเจอร์ขั้นสูง |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: Adobe
7.Vegas Pro
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอระดับมืออาชีพที่เปลี่ยนมาเป็น Vegas Pro ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยสำหรับสายทำคอนเทนต์ เพราะทั้งลูกเล่น ฟีเจอร์ และการตอบสนองดี ให้ผู้ใช้เลือกปรับแต่งเครื่องมือเพื่อใช้งานได้ง่าย แต่ได้งานระดับการตัดต่อภาพยนตร์ เหมาะตั้งแต่ผู้ใช้มือใหม่ด้านการตัดต่อ ที่จะก้าวไปสู่มืออาชีพหรือจะใช้ในการสร้างงานแบบจริงจัง เพราะมีเอฟเฟกต์ให้เลือกมากมาย รวมถึงฟังก์ชั่นการปรับโทนสีและเสียง เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนภาพและเสียงได้ไม่จำกัด ตอบสนองได้ไว แต่ถ้าจะใช้ Pro หรือ Edit version ที่ให้ฟีเจอร์ได้มากกว่า มีเริ่มตั้งแต่ 12.99USD ต่อเดือน
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ลูกเล่นเยอะ เหมาะกับมือโปร | มีค่าใช้จ่าย | มืออาชีพด้านวีดีโอ |
ตอบสนองได้ไว ปรับแต่งง่าย | งานตัดต่อที่ต้องการรายละเอียด |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: Vegas
8.Wondershare Filmora
อีกหนึ่งในโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ได้รับความนิยมจากเหล่าบล็อกเกอร์ และยูทูปเบอร์มือใหม่ ที่จะเริ่มต้นตัดต่อวีดีโออย่างง่าย และใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย แต่มีเครื่องมือให้ใช้งานได้ครบครัน เช่นเดียวกับอินเทอร์เฟสที่เรียบง่าย แก้ไขรายละเอียดเรื่องสีได้ดี และการตั้งค่าที่ง่าย มีลูกเล่นน่าสนใจอย่างละลายพื้นหลัง และโฟกัสตัวแบบ ทำให้เบลอพื้นหลังออกมาได้สวยงาม มีแบบทดลองใช้ได้ประมาณ 10 ครั้ง และจะมีลายน้ำในวีดีโอ ส่วนถ้าใช้งานถูกใจ เวอร์ชั่น Personal ราคาเริ่มต้นแค่ 39.99USD/ Year เท่านั้น
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ลูกเล่นค่อนข้างเยอะ | เวอร์ชั่นทดลองมีลายน้ำ | Bloger หรือยูทูปเบอร์มือใหม่ |
ใช้สเปคเครื่องไม่แรง |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: Filmola
9.VideoStudio Pro 2023
มุมมองและอินเทอร์เฟสของโปรแกรมตัดต่อวีดีโอนี้ อาจจะต่างไปจากค่ายอื่นๆ อยู่เล็กน้อย อาจจะต้องปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมกับตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็น แถบเครื่องมือและเมนู ส่วนปุ่มสำคัญๆ ยังอยู่ในจุดที่ใช้ง่าย การใส่ Transition หรือ Effect ต่างๆ มีให้เลือกเยอะ และยังเป็น Drag & Drop ลากวางได้เลย เป็นโปรแกรมที่เหมาะกับนักสร้างคอนเทนต์สายโซเชียล จัดการแชร์เข้าไปยังแพลตฟอร์มสะดวก มีเป็นเวอร์ชั่นแบบให้ทดลองใช้งาน 30 วัน ใช้ได้เกือบเต็มฟีเจอร์ ส่วนราคาอยู่ที่ 79.99USD/ เดือน
มาพร้อมเทมเพลตที่หลากหลาย
มีเอฟเฟกต์และ Transition ให้เลือกเยอะ
ฟิลเตอร์แบบ Drag & Drop ใช้ง่าย
รองรับกล้องหลายตัวพร้อมกัน
มีดนตรีแบบปลอดลิขสิทธิ์ให้ใช้
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
รองรับการตัดวีดีโอแบบหลายมุมมอง | บางฟังก์ชั่นอาจมีความซับซ้อน | นักสร้างคอนเทนต์ |
มีฟีเจอร์ในงานวีดีโอครบครัน |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: VideoStudio
10.VSDC Free Video Editor
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอฟรี แบบไม่มีลายน้ำ ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย และให้งานตัดต่อพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สำหรับคนที่เริ่มต้นกับการสร้างคอนเทนต์ ไม่เน้นลูกเล่นซับซ้อน หรือฟีเจอร์ที่ล้ำเกินไป แต่ใช้งานได้ไม่ยาก เข้ากันได้กับนักศึกษา คนทำงานและงานพรีเซนเทชั่นแบบด่วนๆ เพิ่มความ Advance ขึ้นจากโปรแกรมพื้นฐานทั่วไป เลือกปรับโทนสี และเอฟเฟกต์สวยๆ ได้เยอะ รองรับวีดีโอ 4K อัพเดตบนแพลตฟอร์มโซเชียลได้ง่าย การตอบสนองอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว
จุดเด่น | ข้อสังเกต | เหมาะกับ |
ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย | อินเทอร์เฟสซับซ้อนเล็กน้อย | นักเรียน นักศึกษา |
มีเครื่องมือให้ครบครัน | คนทำงาน |
ดาวน์โหลดโปรแกรมและรายละเอียดเพิ่มเติม: VSDC
Conclusion
จุดเด่น | เหมาะกับ | |
1.Openshot | รองรับวีดีโอความละเอียดสูง | นักศึกษาทำพรีเซนท์, นักสร้างคอนเทนต์มือใหม่ |
2.CapCut | ใช้งานง่าย ฟิลเตอร์เยอะ รองรับวีดีโอความละเอียดสูง | ยูทูปเบอร์และอินฟลูเอนเซอร์ |
3.Davinci Resolve | ให้งานระดับมืออาชีพ ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีลายน้ำ | มืออาชีพด้านภาพและเสียง |
4.LightWorks Free Edition | ใช้งานง่าย ฟังก์ชั่นสำคัญครบ | นักตัดต่อมือใหม่, ยูทูปเบอร์เริ่มทำคอนเทนต์ |
5.Hitfilm Express | ใช้งานฟรี ฟีเจอร์ครบครัน | มือใหม่และยูทูปเบอร์ |
6.Adobe Premier Pro | คุณสมบัติวีดีโอครอบคลุม เอฟเฟกต์และฟีเจอร์ขั้นสูง | นักสร้างคอนเทนต์มืออาชีพ |
7.Vegas | ลูกเล่นเยอะ เหมาะกับมือโปร ตอบสนองได้ไว ปรับแต่งง่าย | มืออาชีพด้านวีดีโอ, งานที่มีรายละเอียดสูง |
8.Wondershare Filmora | ลูกเล่นค่อนข้างเยอะ ใช้สเปคเครื่องไม่แรง | Bloger หรือยูทูปเบอร์มือใหม่ |
9.VideoStudio Pro 2023 | รองรับการตัดวีดีโอแบบหลายมุมมอง มีฟีเจอร์ในงานวีดีโอครบครัน | นักสร้างคอนเทนต์ |
10.VSDC Free Video Editor | ใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย มีเครื่องมือให้ครบครัน | นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน |
โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ จัดว่าได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะคอนเทนต์ส่วนใหญ่ออกมาในแบบวีดีโอกันเกือบหมดแล้ว เพราะให้รายละเอียด และความสมจริงได้มากที่สุด ทำให้เหล่านักสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น VLOG, Bloger หรือจะเป็น Youtuber และเกมเมอร์ที่เป็นสตรีมเมอร์ ทั้งมือเก่าและมือใหม่ ได้สร้างสรรค์ผลงานกันอย่างเต็มที่ ในการเลือกใช้ นอกจากจะต้องเลือกให้เหมาะกับความสะดวกหรือมีฟังก์ชั่นที่ลงตัวกับผู้ใช้ อย่างเช่น CapCut ที่โดดเด่นในสายยูทูปเบอร์ รวมถึงเหล่า TikTok ก็ต้องออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน เข้าใจได้รวดเร็ว และรองรับความละเอียดที่ให้ผลงานออกมาได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของฟีเจอร์เสริม และการสนับสนุน ก็ต้องมีมากพอในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น Davinci และ Premire Pro โดยในตัวเลือกของเราจะมีทั้งแบบฟรี ที่เป็นส่วนใหญ่ อย่าง Hitfilm, VSDC, LightWork หรือ Davinci เป็นต้น ผู้ใช้สามารถเลือกมาใช้ทดลองทำงานก่อนได้ หากมีตรงจุดไหนขาดหรืออยากได้เพิ่ม ก็ยังมีตัวเลือกที่เป็นแบบเพิ่มฟีเจอร์ หรือเปิดความสามารถให้มากขึ้นได้ ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงเกินไปนัก แต่อาจจะต้องเช็คสเปคคอมที่ใช้ด้วยว่า รองรับกับการทำงานได้มากน้อยเพียงใดด้วย
โน๊ตบุ๊คสำหรับงานตัดต่อที่เหมาะกับคุณได้ที่นี่เลย Notebookspec.com
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมที่น่าสนใจอีกมากมาย ให้ได้เลือกใช้กัน อย่างเช่น Icecream Video Editor, VideoPad หรือจะเป็นแอพแบบ Movavi Clips, PowerDirector หรือจะเป็น WeVideo ก็ตาม